มาทำความเข้าใจ...ว่าทำไมอินเทอร์เน็ตก็ยังช้าอยู่ ความรู้แบบเนื้อๆๆ
มาทำความเข้าใจ...ว่าทำไมอินเทอร์เน็ตก็ยังช้าอยู่ ความรู้แบบเนื้อๆๆ
เครดิต เว็บ http://www.siamcafe.net
ถึงแม้ว่าจะใช้ดีเอสแอลแล้วแต่อินเทอร์เน็ตก็ยังช้าอยู่ และด้วยคำแนะนำจากเราคุณจะสามารถเล่นเว็บได้ในระดับความเร็วทอปสปีดเลยทีเดียว
จุด มุ่งหมายของบทความนี้คือการทำให้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตแบบดีเอสแอลได้ในความ เร็วสูงที่สุด เพราะหากใช้งานอีเอสแอลโดยได้ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าที่ควรก็อาจจะไม่แตกต่าง กับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโมเด็มแบบอนาล็อกแบบเดิมๆ มากนัก
การใช้งานอินเทอร์เน็ตหลายๆ อย่างในปัจจุบัน เช่น การดาวน์โหลด Service Packs ของระบบปฏิบัติการวินส์โดว์สหรือชุดโปรแกรมออฟฟิศอาจ จะมีขนาดหลายร้อยเมกกะไบต์ การใช้งานตลาดแลกเปลี่ยนเพลงหรือการรับข้อมูล Video Streaming ผ่านอินเทอร์เน็ต (Video on Demand) ต่าง ก็จำเป็นต้องใช้แบนด์วิธจำนวนมหาศาลทั้งสิ้น นอกจากนี้แล้วการใช้งานอื่นๆ อย่างเช่น เกมส์ออนไลน์และการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (Voice over IP) ยังต้องการแบนด์วิธสูงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้แล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ระยะเวลาในการตอบกลับจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Ping Rate) ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับบางเซอร์วิส เช่น เกมส์ออนไลน์ เป็นต้น
ด้วย ทิปเด็ดๆ ต่อไปนี้จะทำให้คุณสามารถดึงความเร็วที่ซ่อนอยู่ของอินเทอร์เน็ตแบบดีเอสแอล ออกมาใช้งานได้อย่างเต็มที่ ในส่วนแรกนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ในการวัดความเร็วของการต่อเชื่อมของคุณ หลังจากนั้นก็จะเป็นวิธีการที่จะช่วยเพิ่มความเร็วให้สูงขึ้น ซึ่งมือโปรทั้งหลายได้ทำกันมานานแล้ว และครั้งนี้ก็เป็นทีของคุณบ้าง CHIP จะบอกคุณว่าควรจะทำอย่างไร
ตรวจสอบความเร็ว
ดีเอสแอลของคุณเร็วแค่ไหน
สิ่งที่มีผลต่อความเร็วในการเชื่อมต่อดีเอสแอลมีอยู่ 3 ประการ ได้แก่ ความเร็วที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถส่งและรับข้อมูล ได้ เวลาที่เซิร์ฟเวอร์ต้องใช้ในการตอบรับเครื่องของคุณ และระยะห่างระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณกับเซิร์ฟเวอร์ปลายทางที่คุณจะ ส่งข้อมูลไป เนื่องจากในทุกครั้งที่มีการโหลดหน้าเว็บไซต์ขึ้นมาใหม่ แพ็กเกตข้อมูลจะถูกส่งไปในเส้นทางที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น ค่าความเร็วที่ใช้ได้จริงๆ จึงไม่นิ่ง หน้าเว็บไซต์พิเศษสำหรับการทดสอบ เช่น http://www.dslreports.com/stest หรือ http://us.mcafee.com/root/speedometer/default.asp จะ ทำการวัดเฉพาะความเร็วขณะที่กำลังเชื่อมต่ออยู่เท่ านั้น ถ้าจะให้ดีกว่านั้นจะต้องทำการเฝ้าดูการเชื่อมต่อทั้งหมดอยู่ตลอดเวลาเพื่อ หาค่าเฉลี่ยออกมาใช้เป็นเกณฑ์ต่อไป
• วัดความเร็วในการ Transfer
การ เฝ้าดูและวัดค่าความเร็วของการต่อเชื่อมนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณจะสร้างเส้นทางการเชื่อมต่อไปสู่อินเทอร์ เน็ตขึ้นมาเองโดยตรงหรือผ่านเราเตอร์ก็ตาม โปรแกรมที่เหมาะที่สุดสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่แบบโดดๆ (Stand Alone) ก็คือ Task Manager ของ Windows XP ที่คุณสามารถเรียกขึ้นมาได้โดยกดปุ่ม [Ctrl] + [Alt] + [Delete] แล้วคลิก Task Manager และเลือกแท็บ Networking หลังจากนั้นให้เลือกเมนู View -> Update Speed -> High เพื่อให้ได้ค่าความเร็วที่เที่ยงตรงที่สุด ในเมนู View -> Select Columns ให้คุณคลิกเลือกหัวข้อ Link Speed, Bytes Sent/Interval และ Bytes Received/Interval หลัง จากนั้นคุณก็สามารถเข้าไปอ่านค่าจำนวนไบต์สูงสุด ที่คุณสามารถรับส่งได้ พร้อมทั้งจำนวนที่คุณส่งและรับจากบริเวณด้านล่างของกราฟ ส่วนตัวกราฟเองนั้นจะเป็นการแสดงข้อมูลสภาพโหลดของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เป็นค่าเปอร์เซ็นต์
สำหรับผู้ที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการวินส์โดว์สเวอร์ชันเก่าอยู่ก็ต้องใช้โปรแกรมอื่นๆ ช่วย เช่น โปรแกรมฟรี NetStat Live ที่สามารถดาวน์โหลดได้จากหน้าเว็บไซต์ http://www.analogx.com/ โดยโปรแกรมดังกล่าวนี้สามารถใช้งานได้สะดวกสบายกว่า Task Manager ของ Windows XP มาก
ในการวัดค่าความเร็วของ DSL นั้น ก่อนอื่นให้คุณเปิด Task Manager หรือ NetStat ขึ้นมา แล้วทำการดาวน์โหลดไฟล์ที่มีขนาดอย่างน้อยหนึ่งเมกะไบต์ แล้วจดบันทึกค่าที่แสดงไว้ที่ Sent/Received ใน Task Manager หรือหากเป็น NetStat ก็ให้ดูที่ค่า Incoming Average ซึ่งเป็นค่าความเร็วเฉลี่ยในการดาวน์โหลดและค่า Outgoing Average ซึ่ง เป็นค่าสำหรับการอัพโหลด และเมื่อคุณได้ทำการปรับแต่งแล้วก็ให้ทำการวัดความเร็วใหม่เพื่อทำการเปรียบ เทียบกับค่าเดิม ซึ่งจะทำให้คุณทราบได้อย่างชัดเจนว่าได้ความเร็วเพิ่มขึ้นมามากน้อยเพียงใด
• วัดค่า Delay บนอินเทอร์เน็ต
ข้อมูลของคุณต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่จะถูกส่งจากเครื่องของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ปลายทาง และส่งข้อมูลตอบกลับมา (Ping Rate) ซึ่งคุณสามารถวัดค่าเวลานี้ได้โดยเรียกหน้าต่างดอสขึ้นมาจาก Start -> All Programs -> Accessories -> Command Prompt แล้วพิมพ์คำสั่ง ping ตามด้วยแอดเดรสปลายทางของเว็บใดๆ ก็ได้ลงไปอย่างเช่น ping http://www.chipthailand.com/ เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณก็จะทำการส่งข้อมูลแพ็กเกตรวมทั้งหมด 4 ชุดไปปลายทาง และจะแสดงเวลาที่ข้อมูลนั้นใช้ในการเดินทางทั้งหมดเป็น ms ขึ้นมา ค่า Ping Rate ที่ต่ำกว่า 100ms ถือว่าค่อนข้างต่ำ แต่ถ้ามีค่ามากกว่า 200ms ขึ้นไปนั้นคุณควรที่จะต้องแก้ไขอะไรบางอย่างแล้ว สำหรับนักเล่นเกมส์ออนไลน์ควรจะมีค่า Ping Rate ไม่เกิน 20ms ซึ่งค่อนข้างจะเป็นไปได้ยากมากทีเดียว
• วัดระยะทางไปเซิร์ฟเวอร์ปลายทาง
สำหรับการที่จะตรวจสอบดูว่าข้อมูลของคุณต้องเดินทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ระหว่างทางทั้งหมดกี่ตัวจึงจะไปถึงปลายทางนั้นให้คุณใช้คำสั่ง Tracert โดยเรียกหน้าต่างดอสขึ้นมาเช่นเดิมแล้วพิมพ์คำสั่ง แล้วตามด้วยชื่อเว็บไซต์ปลายทาง เช่น tracert http://www.chipthailand.com/ ลงไป จากตัวอย่างที่ทำการทดสอบนี้ จะพบว่าแพ็กเกตข้อมูลถูกส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด 9 ตัว ซึ่งจะพบว่าในระหว่างเส้นทางนั้นมีเซิร์ฟเวอร์บางตัว มีค่า Ping Rate สูงกว่า 100ms ทีเดียว
นอกจากคำสั่ง Ping จะ ทำให้คุณสามารถทราบได้ว่ามีจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องผ่านทั้งหมดกี่ตัวแล้ว ยังทำให้คุณรู้ได้อีกว่ามีเซิร์ฟเวอร์ที่ช้าหรือล่มขวางเส้นทางของคุณอยู่ หรือไม่
เข้าเกียร์เทอร์โบ
ปรับแต่งดีเอสแอลสำหรับมือโปร
ก่อน ที่คุณจะสามารถปรับแต่งการต่อเชื่อมของคุณให้สมบูรณ์แบบได้นั้น คุณต้องรู้ก่อนว่าระบบการทำงานโดยรวมเป็นอย่างไร สำหรับการต่อเชื่อมแบบดีเอสแอลนั้น ข้อมูลที่ถูกส่งออกไปจะถูกแบ่งออกเป็นแพ็กเกตย่อยๆ โดยมีขนาดไม่เกินชุดละ 1,500 ไบต์ ซึ่งในแต่ละแพ็กเกจก็จะมีเฮดเดอร์ที่บรรจุข้อมูลเอาไว้ว่าข้อมูลนั้นมาจาก ใครและจะส่งไปที่ใด ซึ่งการเขียนข้อมูลเหล่านี้จะเป็นหน้าที่ของ Transfer Protocol-PPPOE (Point of Point Protocol over Ethernet) ซึ่ง จำเป็นสำหรับการทำงานของระบบดีเอสแอล เมื่อปลายทางได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็จะส่งข้อมูล ยืนยันกลับไปยังผู้ส่ง ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งผู้ส่งได้รับคำยืนยันกลับไปนั้นก็ คือ Ping Rate นั่นเอง และเมื่อได้รับการยืนยันแล้ว เครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางก็จะเริ่มส่งแพ็กเกตข้อมูลที่สองออกตามไป ถ้าระยะเวลาที่ใช้ในการตอบรับนานเกินไปชุดข้อมูลนั้น ก็จะถูกถือว่าหายไปหรือส่งไปผิดที่
ด้วยการ เข้าไปแก้ไขในรีจิสทรีเล็กน้อย คุณก็สามารถทำให้เครื่องของคุณเตรียมแพ็กเกตข้อมูลต่อๆ ไปให้พร้อมไว้เลยโดยไม่ต้องรอคำตอบรับ และเมื่อคำยืนยันนั้นมาถึงก็สามารถที่จะส่งชุดข้อมูล ออกไปได้ในทันที ชุดข้อมูลที่ถูกเตรียมพร้อมไว้นี้จะถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำพิเศษที่ชื่อว่า TCP Receive Windows (หรือเรียกสั่นๆ ว่า RWIN) ซึ่งในระบบปฏิบัติการ 95/98/NT นั้นมันจะมีขนาด 8 กิโลไบต์ ส่วนใน Windows Me/2000/XP จะมีขนาด 16 กิโลไบต์ ส่วนค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเชื่อมต่อดีเอสแอล คือ ค่าระหว่าง 32-63 กิโลไบต์
• ปรับแต่งด้วยโปรแกรม Dr. TCP
วิธีการเปลี่ยนแปลงค่าใน TCP Receive Window ที่ง่ายที่สุดคือใช้โปรแกรมฟรี Dr. TCP (www.dslreports.com/drtcp) โดยให้เริ่มต้นทำงานโดยการดับเบิลคลิกขึ้นมา ในครั้งแรกควรจะใช้ค่า 32,767 ตามเดิมก่อน จากนั้นให้คลิกที่ Save แล้วรีสตาร์ทเครื่องใหม่ จากการทดสอบของ CHIP พบว่าแค่การเปลี่ยนแปลงค่าครั้งแรกก็ทำให้ค่าเฉลี่ยของความเร็วในการดาวน์โหลดหรือ Download Rate (วัดด้วย NetStat Live) เพิ่มขึ้นจาก 16.6 กิโลไบต์ เป็น 65.9 กิโลไบต์ ส่วนค่า Upload Rate ก็เพิ่มขึ้นจาก 4.3 กิโลไบต์เป็น 9.3 กิโลไบต์ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าผลของคุณไม่เร็วขึ้นก็สามารถเข้าไปเพิ่มค่าใน Dr. TCP อย่างช้าๆ ขึ้นไปได้จนถึงค่าสูงสุด (63,000) โดยที่คุณต้องไม่ลืมที่จะรีสตาร์ทเครื่องใหม่ทุกครั้งหลังการเปลี่ยนแปลงค่า
คำ แนะนำ : ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณต่ออยู่กับเราเตอร์ คุณอาจจะต้องเลือกการ์ดเน็ตเวิร์กของเครื่องที่กำลัง ต่ออยู่กับอินเทอร์เน็ตในเมนู Adapter Settings ด้วย
• ใช้โปรแกรม Traffic Shaping
การที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์ปลายทางยืนยันการตอบรับนั้น จะไม่ได้ถูกส่งผ่านมาทางเดิมที่เรียกว่า Download Channel แต่จะส่งมาทางเส้นทาง Upload Channel ทำให้แบนด์วิธสำหรับการดาวน์โหลดยังคงว่างอยู่ แต่ถ้าคุณใช้งานโดยการดาวน์โหลดไฟล์แล้วค่า Transfer Rate ก็จะลดลง เพราะไม่สามารถที่จะยืนยันการตอบรับได้เร็วเพียงพอซึ่ง Traffic Shaping จะสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ให้คุณได้
สำหรับผู้ที่ใช้โมเด็มดีเอสแอลบางยี่ห้อ เช่น AVM นั้น สามารถที่จะเลือกใช้ฟังก์ชันในลักษณะดังกล่าวได้ แต่สำหรับโมเด็มอื่นๆ ทั่วไปมักจะไม่มีฟังก์ชันนี้อยู่ด้วย จึงจำเป็นต้องใช้โปรแกรมเพิ่มเติมได้แก่ โปรแกรม cFos Speed จากหน้าเว็บไซต์ http://www.cfos.com/ ซึ่งต้องจ่ายเงินซื้อ แต่คุณสามารถดาวน์โหลดเวอร์ชันสำหรับทดลองใช้ ซึ่งสามารถใช้งานได้นาน 45 วัน
• เปลี่ยนขนาดของแพ็กเกตข้อมูล
ขนาดมาตรฐาน 1,500 ไบต์ของแพ็กเกตข้อมูลนั้นเป็นขนาดที่เหมาะที่สุดสำหรับการเชื่อมต่อแลน แต่สำหรับดีเอสแอลแล้ว คุณต้องลบจำนวนไบต์สำหรับเฮดเดอร์ที่ PPP OE Protocol จะเพิ่มลงไปในแต่ละแพ็กเกตออกอีกเล็กน้อย การกำหนดขนาดของแพ็กเกตข้อมูลนั้นสามารถทำได้ในรีจิสทรีผ่านค่า Maximum Transmission Unit (MTU) ซึ่งสามารถทำได้อย่างง่ายๆ โดยใช้โปรแกรม Dr. TCP เช่นกัน โดยให้ลองปรับค่า MTU เป็น 1492
ในจุดนี้ CHIP ขอแก้ข่าวลือที่แพร่หลายอยู่ในอินเทอร์เน็ตที่กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงค่า MTU ช่วยให้การต่อเชื่อมมีความเร็วสูงขึ้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ถูกต้อง เพราะผลที่ได้จากการปรับค่า MTU นั้น คือทำให้การส่งแพ็กเกตข้อมูลเป็นไปได้อย่างราบรื่นสม่ำเสมอขึ้น และผลที่ได้ก็คือ การใช้งานที่ต้องการความต่อเนื่อง เช่น การเล่นเกมส์ออนไลน์จะเกิดการกระตุกน้อยลง หรือการใช้โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตก็จะได้ยินเสียงสม่ำเสมอขึ้น เป็นต้น CHIP ได้ทำการทดสอบโดยเปลี่ยนค่า TTL (Time to Live) ที่มักจะถูกแนะนำให้ทำพร้อมๆ กับการเปลี่ยนค่า MTU ด้วย อีกทั้งได้เพิ่มบัฟเฟอร์สำหรับการ์ดเน็ตเวิร์กให้สูง ขึ้นโดยเข้าไปแก้ใน System.ini ผลที่ได้ออกมาก็คือ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ช่วยให้มีความเร็วเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
คำแนะนำสำหรับ Windows XP : การเปลี่ยนแปลงค่า MTU ใน Windows XP นั้น สามารถทำได้ก็ต่อเมื่อคุณใช้โพรโตคอลดีเอสแอลเป็น RASPPPOE ของ Robert Schlabbach (http://www.raspppoe.com/) เท่านั้น
• หาค่า MTU สำหรับเราเตอร์
ถ้าคุณมีเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องเชื่อมต่ออยู่กับเราเตอร์ คุณอาจจำเป็นต้องใช้ค่า MTU ที่ค่อนข้างต่ำ ในการหาค่าที่เหมาะสมที่สุดนั้นสามารถทำได้โดยใช้คำสั่ง Ping อีกเช่นเคย โดยให้นำค่าที่ต้องการจะถามมาลบออกอีก 28 ไบต์ ซึ่งจะถูกจองไว้สำหรับ Internet Protocol TCP/IP ในการส่งตามปกติทั่วไปอย่างเช่น 1,492-28 = 1,464 (คำสั่งPing นั้นไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเหล่านี้) ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะถามค่า MTU 1492 สำหรับอินเทอร์เน็ตก็ให้พิมพ์คำสั่ง ping –f –l 1492 http://www.chipthailand.com/ ลงไปในหน้าต่างดอส
ถ้าคุณได้รับแจ้งกลับมาว่า Packet needs to be fragmented ก็ให้คุณใช้คำสั่ง Ping ถาม ไปอีกครั้ง โดยใช้ค่าที่ต่ำลงกว่าเดิม ทำเช่นนี้ไปจนกระทั่งคุณไม่ได้รับแจ้งข้อความนี้อีก นั่นก็คือค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเราเตอร์ของคุณ ให้คุณนำมาบวกเพิ่มอีก 28 แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้ไปใส่ใน Dr. TCP
• เพิ่ม Ping Rate ด้วย Fastpath
ใน การเล่นเกมส์ออนไลน์นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความเร็วในการดาวน์โหลด แต่เป็นระยะเวลาที่เซิร์ฟเวอร์ใช้ในการตอบรับข้อมูลกลับมายังเครื่อง คอมพิวเตอร์ของคุณ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ Ping Rate นั่นเอง
การ รับส่งข้อมูลของดีเอสแอลนั้น โดยปกติการให้บริการจะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สำหรับผู้ให้บริการบางรายได้เพิ่มคุณสมบัติพิเศษในการทำงานรับส่งข้อมูล เข้าไปด้วย เช่น การให้บริการรับ-ส่งข้อมูลในโหมด Interleaving ซึ่ง จะเป็นการป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดในการส่งผ่านข้อมูล รวมถึงป้องกันการสูญเสียข้อมูลระหว่างการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ ต้นทางและปลายทาง การเชื่อมต่อรูปแบบนี้มีความปลอดภัยแต่ทำให้ค่า Ping Rate สูงขึ้น ดังนั้นผู้ใช้จึงควรเลือกใช้งานในอีกโหมดหนึ่งที่เรียกว่า Fastpath ซึ่งจะเป็นการปิดการทำงานของระบบ Interleaving ทำให้ค่า Ping Rate สูงขึ้น
• เพิ่ม Ping Rate โดยการลด MTU
สำหรับผู้ที่เล่นเกมส์และต้องการค่า Ping Rate ที่ต่ำเป็นบางครั้งก็สามารถทำได้โดยเข้าไปลดค่า MTU ผ่านโปรแกรม Dr. TCP เฉพาะตอนที่เล่นเกมส์ก็ได้ โดยให้ลดลงเหลือค่า 576 และให้ตั้งค่าสำหรับ TCP Receive Window เป็น 8,576
วิธี การดังกล่าวนี้อาศัยกลักการที่ว่าแพ็กเกตข้อมูลที่มีขนาดเล็กกว่าจะถูกจัด เตรียมให้พร้อมที่จะส่งได้รวดเร็วกว่า และเนื่องจากจำนวนหน่วยความจำที่จะต้องใช้เก็บข้อมูล ชั่วคราวลดลง ดังนั้นวินส์โดว์สจึงต้องทำการส่งแพ็กเกตข้อมูลที่เล็กกว่านี้เร็วขึ้น ซึ่งมีผลให้ค่า Ping Rate ต่ำลงด้วย แต่สำหรับการเล่นอินเทอร์เน็ตธรรมดาทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดาวน์โหลดนั้นไม่เหมาะที่จะใช้การตั้งค่าแบบนี้เพราะ แพ็กเกตข้อมูลที่ถูกส่งไปเร็วขึ้นนี้อาจจะสูญหายได้มากขึ้น ดังนั้นหลังจากที่คุณเล่นเกมส์เสร็จแล้วจึงควรที่จะตั้งค่าสำหรับ MTU และ TCP Receive Window กลับไปเป็นค่าปกติตามเดิม
• ใช้ซอฟต์แวร์ Download Manager
ด้วยโปรแกรม Download Manager ที่ มีอยู่เป็นจำนวนมาก จะช่วยให้คุณสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะโปรแกรมเหล่านี้จะแบ่งรับไฟล์เป็นส่วนเล็กๆ มาจากหลายๆ เซิร์ฟเวอร์พร้อมๆ กัน ซึ่งซอฟต์แวร์ Download Manager มีอยู่มากมาย แต่ CHIP ได้คัดมาให้คุณ 3 โปรแกรม
การ ใช้งานโปรแกรมเหล่านี้โดยปกติแล้วเมื่อทำการติดตั้งโปรแกรมเสร็จเรียบร้อย แล้วและต้องการดาวน์โหลดไฟล์ ใดๆ จากบนอินเทอร์เน็ต โปรแกรมก็จะเปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม บางเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการดาวน์โหลดโดยใช้ซอฟต์แวร์เหล่านี้
GetRight (http://www.getright.com/)
+ รวดเร็ว ใช้งานได้ง่าย
- เวอร์ชันฟรีมีสปายแวร์ติดตั้งอยู่ด้วย ราคาสูงหากต้องการซื้อเวอร์ชันที่ไม่มีโฆษณา
LeechGet (http://www.leechget.net/ )
+ สามารถทำงานได้ดีกับบราวเซอร์ทั่วไปและไม่มีสปายแวร์
- เวอร์ชันฟรีจะจำกัดการดาวน์โหลดพร้อมๆ กัน 8 ไฟล์
FreshDownload (http://www.freshdevices.com/)
+ ฟรีและไม่มีสปายแวร์
- จะมีสแปมเมล์ส่งไปยังอีเมล์ที่ลงทะเบียนไว้จำนวนมาก
• หลบเลี่ยงพอร์ตที่โดนลดความเร็ว
หาก คุณได้ลองทำตามคำแนะนำทั้งหมดแล้ว แต่การดาวน์โหลดของคุณก็ยังช้าอยู่ดี อาจจะมีสาเหตุมาจากการที่ผู้ให้บริการดีเอสแอลของคุณ ได้ไปลดความเร็วของพอร์ตที่โปรแกรมแลกเปลี่ยนอย่างเช่น eMule และ Kazaa ใช้
ข้อควรระวัง : ถ้าคุณหลบเลี่ยงการลดความเร็วบางพอร์ตโดยผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการอาจตรวจสอบเจอและยกเลิกสัญญาได้เช่นกัน
สำหรับผู้ที่ต้องการจะปลดเบรกนี้ ก่อนอื่นให้ไปที่หน้าเว็บไซต์ http://www.iana.org/assignments/port-numbers คุณจะพบรายละเอียดของพอร์ตบางตัวที่เขียนกำกับเอาไว้ ว่า Unassigned ซึ่งจะเป็นพอร์ตที่โปรแกรมแลกเปลี่ยนอย่างเช่น eMule ใช้ โดยรวมแล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณสามารถที่จะจัดการพอร์ตได้ทั้งหมด 65535 พอร์ต หรือคุณอาจจะใช้คำสั่ง Telnet ค้นหาพอร์ตที่ว่างก็ได้ โดยไปที่ Start -> Run แล้วพิมพ์คำสั่งลงไป เช่น ถ้าต้องการหาพอร์ต 60 ก็ให้พิมพ์
Telnet 127.0.0.1 60
หลัง จากพิมพ์คำสั่งแล้วจะมีหน้าต่างดอสปรากฏขึ้นมา โดยหากพอร์ตนั้นเปิดใช้งานอยู่ก็จะมีการเชื่อมต่อไปยังปลายทาง แต่หากพอร์ตนั้นไม่ได้เปิดใช้งานไว้ก็จะมีการแจ้งให้ ทราบว่าไม่สามารถติดต่อได้ ขั้นต่อไปให้คุณเรียกโปรแกรม eMule ขึ้นมาแล้วให้เปิดเมนู Settings -> Connection ใส่ค่าทั้งสำหรับ TCP และ UDP ในหัวข้อ Client Port เป็น 60 แล้วเริ่มโปรแกรม eMule ใหม่อีกครั้ง สำหรับผู้ใช้ที่มีเราเตอร์ก็อาจจะต้องเข้าไปแก้ค่าพอร์ตในซอฟต์แวร์เราเตอร์ด้วย
ปัญหาการใช้งานดีเอสแอล
การ ที่จะสามารถใช้ความเร็วดีเอสแอลได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดได้นั้น นอกจากการปรับแต่งซอฟต์แวร์แล้ว ยังมีปัญหาทางด้านเทคนิคที่ต้องแก้ไขด้วยเช่นกัน
• คุณภาพ ของสาย : ยิ่งจุดเชื่อมต่อสัญญาณของผู้ให้บริการอยู่ไกลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ มากเท่าไร ปริมาณข้อมูลที่จะถูกส่งด้วยดีเอสแอลผ่านสายโทรศัพท์ ก็จะยิ่งลดลงมากขึ้นเท่านั้น และในกรณีที่**ร้ายที่สุดคุณอาจจะไม่สามารถรับส่งอะไรเลยก็ได้ เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Cable Damping และนั่นเป็นเหตุผลที่ต้องให้ทางผู้ให้บริการตรวจสอบดูก่อนว่าในพื้นที่ของคุณจะสามารถใช้ดีเอสแอลได้หรือไม่
ทาง แก้ : ต้องลองติดต่อผู้ให้บริการรายใหม่ที่มีโครงข่ายของตน เอง เพราะถึงแม้จะเปลี่ยนผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแต่ยัง คงต้องใช้โครงข่ายสายเดิมที่มีอยู่ก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน
• เหตุ ขัดข้องในระบบดีเอสแอล หรือระบบล้ม : แม้แต่โครงสร้างของระบบที่ดีที่สุดก็ต้องได้รับการดู แลบ้างเป็นครั้งคราวเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ๆ นั้นอาจจะเป็นไปได้ว่า ทั้งระบบล้มเนื่องจากโอเวอร์เฮดที่มากจนเกินไป
ทางแก้ : เข้าไปดูหน้าเว็บไซต์ของผู้ให้บริการอย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามข่าวสารการแจ้งกำหนดการบำรุงรักษาระบบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น